เมื่อกล่าวถึงมหานครแห่งสายน้ำ คงไม่มีใครไม่นึกถึง เวนิส (Venice) เมืองทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เนื่องจากสถาปัตยกรรมอันงดงามในเมืองที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบสีมรกตอันล้ำค่าที่ตรึงสายตาผู้เยี่ยมชมได้อย่างดีเยี่ยมก็ทำให้ใครหลายๆคนที่ได้ไปเที่ยวเวนิส อยากกลับมาสัมผัสอีกสักครั้ง
เมืองเวนิส (Venice) หรือที่ชาวอิตาลีเรียกกันว่า เวเน็ตเซีย (Venezia) เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต (Veneto) ซึ่งเป็นแคว้นที่มั่งคั่งและเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญที่สุดของประเทศอิตาลี มีประชากรมากกว่าหกแสนสามหมื่นคน
มหาสมุทรคอยปกป้องกรุงเวนิส เสริมความมั่งคั่งให้แก่อิตาลี เวนิสคือศูนย์กลางการค้าทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ที่รวมความสวยงามอันน่าตื่นตาเอาไว้จนได้ชื่อว่าเป็น ‘ห้องรับแขกแห่งยุโรป’
ในอดีต เวนิสมีพื้นที่เป็นเพียงสันดอนตมกลางทะเลสาบ ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ในเวลาต่อมาเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 5 มีคนกลุ่มแรกขึ้นมาอาศัยยังเวนิสแห่งนี้เนื่องจากถูกรุกรานจากอนารยชน พื้นที่ในเวนิสไม่มีน้ำจืด ผู้คนจึงขุดดินเป็นวงกว้างขนาดใหญ่แล้วก่ออิฐรองน้ำฝนไว้ดื่ม ส่วนที่อยู่อาศัยนั้นก็ปลูกขึ้นตามแนวของน้ำที่ไหลผ่านและใช้ทะเลสาบแห่งนี้ในการเดินทาง ทั่วทั้งเกาะเวนิส มีพื้นที่ให้รถไฟและรถยนต์เข้าถึงได้เพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น การเดินทางภายในเกาะจึงต้องอาศัย ‘เรือ’ เป็นหลัก โดยพาหนะเด่นๆที่นักท่องเที่ยวชอบนั่งก็คือ ‘เรือกอนโดลา (Gondola) ‘ ที่ทุกคนเคยได้ยินกันนั่นเอง
ในเมืองแห่งนี้ มีคลองมากกว่า 150 คลองลัดเลาะไปทั่วทั้งเมือง แต่นอกจากจะมีคลองให้ได้นั่งเรือผ่านไปชมสถานที่ต่างๆรอบเมืองแล้ว เวนิสยังมีเกาะเล็กเกาะใหญ่ให้เที่ยวชมอีกราว 118 เกาะ และเชื่อมต่อกันด้วยสะพานมากกว่า 400 สะพาน แต่สำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุก็ไม่ต้องห่วงว่าจะเดินทางลำบาก เพราะที่นี่เขาได้จัดเส้นทางไว้สำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นทางลาดไว้ให้เดินทางทั่วเกาะได้
ถ้าไม่อยากพลาดที่จะมีรูปสวยๆ ก็อย่าลืมมาที่ ‘สะพานรีอัลโต (Rialto Bridge)’ เพราะเป็นสะพานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเนื่องจากความโค้งสูงที่สมมาตร ยอดตรงกลางที่เป็นเอกลักษณ์รวมถึงความโรแมนติกในยามค่ำคืนที่คุณยืนอยู่บนสะพานแห่งนี้ ก็ทำให้คุณหลงรักเวนิสได้ไม่ยากอย่างแน่นอน
